Last updated: 8 มิ.ย. 2566 | 712 จำนวนผู้เข้าชม |
ค่าวัดมาจากมิเตอร์ฟิล์มแบบพกพา Portable Tint meter
มิเตอร์ฟิล์มแบบพกพาเป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆที่วัดค่าคุณสมบัติฟิล์มได้ประมาณ 3 ค่าคือ แสงผ่าน(ความสว่าง) VLT , ค่าลดรังสียูวี UVR, และค่าลดรังสีอินฟาเรด IRR
(มิเตอร์ฟิล์มแบบพกพา)
ซึ่งมิเตอร์ฟิล์มแบบพกพาบางรุ่นอาจมีการคำนวณค่า SHGC ให้มาด้วย
มิเตอร์ฟิล์มแบบพกพา จะมีเซนเซอร์วัดค่า แสงผ่าน(ความสว่าง) , ค่าลดรังสียูวี และค่าลดรังสีอินฟาเรด บางจุด เช่น
แสงสว่างวัดที่ 380-760 นาโนเมตร
ยูวีวัดที่ 3ุ65 นาโนเมตร (ช่วงทั้งหมด 300-380 นาโนเมตร)
อินฟาเรดวัดที่ 940 หรือ 1400 นาโนเมตร หรือทั้ง 2 จุดแล้วมาเฉลี่ย (จากช่วงทั้งหมด 760-2500 นาโนเมตร)
ทำให้ค่าที่วัดจากมิเตอร์ฟิล์มแบบพกพา ไม่ใช่ค่าที่แท้จริงที่จะนำไปใช้จำนวณหาค่า SHGC.หรือค่าการลดความร้อนรวมที่ถูกต้องได้
แต่มิเตอร์ฟิล์มแบบพกพาเป็นที่นิยมใช้กันเพราะประหยัด(หลัก 3-7000 บาท) สะดวก กว่าการใช้ spectrophotometer ตามห้องแลบ ซึ่งสนนราคาหลายล้านบาท แต่สามารถวัดค่าได้ทุกตำแหน่ง 280-2500 นาโนเมตร เพื่อนำค่ามาคำนวณ SHGC หรือค่าลดความร้อนรวม
(รูป spectrophotometer ที่ใช้ในการวัดมาตรฐาน)
ลองมาดูตัวอย่างจากรูปกราฟฟิล์ม 3 รุ่นที่วัดมาจาก spectrophotometer
กราฟฟิล์ม 3 รุ่นวัดจาก spectrophotometer
จากรูป ถ้ามิเตอร์แบบพกพาวัดค่าอินฟาเรดที่ 940 นาโนเมตร จะได้ผลว่า
ฟิล์ม A ลดอินฟาเรด 55%. ฟิล์ม B ลดอินฟาเรด 70% ฟิล์ม ECOBLUE MAX ลดอินฟาเรด 95%
แต่ถ้ามิเตอร์แบบพกพกวัดค่าอินฟาเรดที่ 1400 นาโนเมตร จะได้ผลว่า
ฟิล์ม A ลดอินฟาเรด 90%. ฟิล์ม B ลดอินฟาเรด 45% ฟิล์ม ECOBLUE MAX ลดอินฟาเรด 95%
จะเห็นว่าค่าเฉลี่ยระหว่าง 2 จุด ที่ 940 และ 1400 นาโนเมตร ของฟิล์ม A คือ 73% และฟิล์ม B 56% ในขณะที่เฉลี่ย 2 จุดของ ECOBLUE MAX คือ 95%
ถ้ามาดูค่าเฉลี่ย 3 จุดที่ 940, 1200, 1400 นาโนเมตร จะเห็นว่าค่าเฉลี่ยระหว่าง 3 จุด ของฟิล์ม A คือ 75% และฟิล์ม B 60% ในขณะที่เฉลี่ย 2 จุดของ ECOBLUE MAX คือ 94%
ดังนั้น ค่าที่ได้จาก มิเตอร์แบบพกพา เพียงจุดเดียวไม่เพียงพอที่จะดูแนวโน้มประสิทธิภาพของฟิล์มกรองแสง ควรใช้มิเตอร์แบบพกพาที่วัดค่าอินฟาเรดได้ 2 จุด คือ 940 และ 1400 นาโนเมตร และค่าการลดอินฟาเรดที่ 1400 นาโนเมตรควรน้อยกว่าค่าที่วัดที่ 940 เพื่อให้ได้กราฟในลักษณะพุ่งลง
ทำไมไม่วัดหรือพิจารณาค่าที่ 2000 นาโนเมตร เพราะสัดส่วนอินฟาเรดที่ส่วนนี้ในแสงอาทิตย์มีค่าค่อนข้างน้อยแมื่อเทียบช่วงอื่นๆ ทำให้การพิจารณาค่าที่ 900 กับ 1400 นาโนเมตรได้ค่าที่ค่อนข้างเพียงพอ